สารป้องกันการแข็งตัวของน้ำ Antifreeze

Ethylene Glycol และ Propylene Glycol ส่วนผสมสำคัญสำหรับสารป้องกันการแข็งตัวของน้ำ Antifreeze

Ethylene Glycol และ Propylene Glycol ส่วนผสมสำคัญสำหรับสารป้องกันการแข็งตัวของน้ำ Antifreeze

ความแตกต่างระหว่าง Ethylene Glycol และ Propylene Glycol

สารป้องกันการแข็งตัวของน้ำ Antifreeze

ในระบบทำความเย็นของโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ หรืออุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง มีความจำเป็นต้องใช้สารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Antifreeze ที่เป็นสารป้องกันการแข็งตัว ซึ่งในสารชนิดนี้มีส่วนประกอบของสารเคมีสำคัญได้แก่ Ethylene Glycol และ Propylene Glycol

อย่างที่ทราบกันดีว่า Ethylene Glycol นิยมนำมาใช้เป็นสารป้องกันการแข็งตัว (Antifreeze) และสารหล่อเย็น (Coolant) ในหม้อน้ำรถยนต์ นอกจากนั้นก็ยังมีสารเคมีอีกชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นสารป้องกันการแข็งตัวได้เช่นเดียวกัน ก็คือ Propylene Glycol หากแต่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบอาหารไม่เกาะติดกันและจับตัวเป็นก้อน เช่น ในซุปผงหรือชีสขูด รวมถึงการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารแช่แข็ง, ไอศกรีมและเครื่องดื่ม อีกด้วย โดยสารทั้ง 2 ชนิดนี้นำไปเป็นสารประกอบกับน้ำบ้าง สารเคมีบางชนิดบ้าง เพื่อให้เกิดเป็นสารป้องกันการแข็งตัวที่เรียกว่า Antifreeze

สารป้องกันการแข็งตัว (Antifreeze) คืออะไร? แตกต่างจาก Coolant อย่างไร

ด้วยหน้าที่ที่มีความคล้ายคลึงกันจนกระทั่งใช้แทนกันได้ ของสารป้องกันการแข็งตัว (Antifreeze) และสารหล่อเย็น (Coolant) ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องของการป้องกันการกัดกร่อน และการเสื่อมสภาพของกรด นอกจากนั้นยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และเชื้อราได้อีกด้วย โดยเป็นสารสำคัญในระบบทำความเย็นของรถยนต์ด้วย เพราะเครื่องยนต์สันดาปทั้งหมดมักจะสร้างความร้อนมหาศาล ซึ่งหากไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้ดี อาจสร้างความเสียหายกับส่วนประกอบที่ทำจากยางโลหะ และพลาสติก ที่อยู่ภายในเครื่องยนต์เสียหายได้

Antifreeze จะแตกต่างตรงที่มีสารยับยั้งการกัดกร่อนเพื่อป้องกันสนิมที่อาจสร้างความเสียหายให้กับหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ และชิ้นส่วนระบบทำความเย็นอื่นๆ ด้วยเพราะการใช้ Ethylene Glycol อาจออกซิไดซ์เป็นกรดอินทรีย์ห้าชนิด (ฟอร์มิก, ออกซาลิก, ไกลโคลิก, ไกลออกซาลิก และกรดอะซิติก) แต่เมื่อผสมสารไนไตรต์, ซิลิเกต, บอเรตและอะโซล เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ ก็จะช่วยบัฟเฟอร์ค่า pH และสงวนความเป็นด่าง และป้องกันการกัดกร่อนได้

การใช้ Ethylene Glycol มีคุณสมบัติทางความร้อนที่พึงประสงค์ คือมีจุดเดือดที่สูง และจุดเยือกแข็งที่ต่ำ ความเสถียรในช่วงอุณหภูมิที่กว้าง จึงไม่เพียงแต่กดจุดเยือกแข็งของสารผสมที่เป็นน้ำ แต่ยังช่วยยกระดับจุดเดือดของมันด้วย ส่งผลให้ช่วงอุณหภูมิในการทำงานของของเหลวถ่ายเทความร้อนได้กว้างขึ้น จึงช่วยรักษาเครื่องยนต์ของรถยนต์ไม่ให้ร้อนจัดหรือเย็นจัดในฤดูหนาว เป็นองค์ประกอบหลักของโซลูชั่นที่ใช้ในรถยนต์ เรือ และเครื่องบิน ตลอดจนบนรันเวย์ของสนามบินในช่วงฤดูหนาว

นอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว Antifreeze หรือสารป้องกันการแข็งตัว ยังถูกใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย เช่น ใช้เป็นสารหล่อเย็นอุตสาหกรรมสำหรับคอมเพรสเซอร์แก๊ส ซึ่งคุณสมบัติของ Ethylene Glycol จะไหลผ่านระบบหล่อเย็นและทนต่ออุณหภูมิที่รุนแรง, ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศและระบบปรับอากาศ, เครื่องทำความเย็น รวมถึงลานสเก็ตน้ำแข็ง และ ยังเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์น้ำมันเบรกไฮดรอลิกอีกด้วย

และสารป้องกันการแข็งตัวอีกชนิดหนึ่ง ก็คือ Propylene Glycol ทำหน้าที่คล้ายกันแต่นำไปใช้ได้ต่างๆ กัน เนื่องจากโพรพิลีนไกลคอลมีความเป็นพิษน้อยกว่าเอทิลีนไกลคอลอย่างมาก มักนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เพราะถูกขนานนามว่า “สารป้องกันการแข็งตัวที่ไม่เป็นพิษ” และยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของอเมริกา (FDA) แล้วว่า สามารถนำมาผสมกับอาหารและเครื่องดื่มของมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย โดยอนุญาตให้ใช้ได้ในปริมาณ (34 มก./กก.) ต่อวัน หรือสามารถเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า หากคุณมีน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ก็สามารถบริโภค Propylene Glycol ได้มากถึง 213 กรัมต่อวันเลยทีเดียว จึงนำมาใช้ในการผลิตอาหารแปรรูปจำนวนมาก เช่น น้ำสลัด, ซุปผ,ขนมอบและชีสขูด รวมถึงอุตสาหกรรมผลิตอาหารแช่แข็ง เช่น ไอศกรีมและคัสตาร์ดแช่แข็ง อีกด้วย

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ความแตกต่างระหว่าง Ethylene Glycol และ Propylene Glycol คืออะไร?

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างโพรพิลีนไกลคอลและเอทิลีน คือระดับความเป็นพิษ เพราะโพรพิลีนไกลคอลมีความเป็นพิษต่ำมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงพบในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ในขณะที่เอทิลีนไกลคอลมีความเป็นพิษและต้องจัดการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์

แล้วทำไม Propylene Glycol จึงไม่ถูกใช้เป็นสารป้องกันการแข็งตัวทั้งหมด แทนที่ Ethylene Glycol ที่มีความเป็นพิษมากกว่าในอุตสาหกรรมรถยนต์หรือระบบทำความร้อนและความเย็นในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมด นั่นเป็นเพราะเอทิลีนไกลคอล มีการลดลงของจุดเยือกแข็งจะมีประสิทธิภาพมากกว่า มีความหนืดต่ำ จึงมีคุณสมบัติถ่ายเทความร้อนได้ดีเยี่ยมมากกว่าโพรพิลีนไกลคอล นั่นเอง

และนอกจาก Ethylene Glycol และ Propylene Glycol แล้ว ทางบริษัท พี.ไว จำกัด ยังมีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภท Antifreeze อื่นๆ อีก เช่น DOWTHERM SR-1 และ DOWFROST ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปคุณภาพสูงจากประเทศอเมริกา ตัวผลิตภัณฑ์จะมีส่วนผสมของสารป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor) ป้องกันการเกิดตะกรัน, สนิม ทำให้ยืดอายุชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องจักร และที่สำคัญคือในอุตสาหกรรมรถยนต์หรือระบบทำความร้อนและความเย็นในโรงงานอุตสาหกรรมของคุณนั้น ควรหมั่นตรวจสอบความเข้มข้นของสาร Antifreeze ในระบบ โดยใช้เครื่องมือ Refractometer เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในระบบแข็งตัว เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรมของคุณ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://pwai.co.th/
ออฟฟิศ: 02-938-0515-6 / 02-513-8398 / 02-513-2639 / 02-512-2111
อีเมล: sales@pwai.co.th
Line@: @pwaishop